หากเอ่ยถึงความสำเร็จของลิเวอร์พูล ทั้งการคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 6

และการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายคนย่อมนึกถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือชาวเยอรมัน หรือไม่ก็นักเตะตัวหลัก อย่างไรก็ตาม มีหนึ่งฟันเฟืองตัวเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่กลับเป็นส่วนสำคัญ ที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จในยุคนี้ของพลพรรคหงส์แดง นั่นคือไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ด ผู้ดำรงตำแหน่งสปอร์ต ไดเร็คเตอร์ หรือผู้อำนวยการกีฬา เปรียบให้เห็นภาพ นี่คือผู้ที่เข้ามาช่วยให้ลิเวอร์พูล สามารถกุมความได้เปรียบในกระดานลูกหนังได้

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล ถือเป็นทีมที่ไม่สามารถต่อกรกับทีมดังทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกได้ โดยเฉพาะในแง่ของการซื้อขายนักเตะ อาจกล่าวได้ว่า ลิเวอร์พูล มักเป็นฝ่ายที่ตกเป็นรอง และคว้าน้ำเหลวในตลาดนักเตะ กระทั่งการมาของเอ็ดเวิร์ด ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ด เป็นชาวเมืองเซาธ์แฮมป์ตัน เขามีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทว่าไม่สามารถเติมเต็มความฝันตรงนั้น จึงเบนหาเป้าหมายใหม่ในชีวิต ด้วยการไปศึกษา และจบปริญญาในด้านบริหารธุรกิจ กระทั่งปี 2013 เขาหวนคืนวงการลูกหนังอีกครั้ง ด้วยการมาเป็นหน้าที่ของผู้วิเคราะห์ข้อมูลการแข่งขัน เขาทำงานในตำแหน่งนั้น ร่วมกับสุดยอดผู้จัดการทีมอย่างแฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ทั้งกับสโมสรพอร์ทสมัธ และสเปอร์ส เขาทำงานด้วยความตั้งใจ จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้า โดยจุดเด่นคือการวิเคราะห์เกม และความสามารถของนักเตะ ผ่านระบบการเก็บสถิติทางคอมพิวเตอร์ กับโปรแกรมระดับโลกอย่างโปรโซน

การรับหน้าที่ดังกล่าว ส่งผลให้เขากลายเป็นคนที่เข้าถึงแก่นของฟุตบอล การเก็บสถิติ

และรายละเอียดปลีกย่อยทำให้เขาจะรู้ว่าสโมสรมีจุดเด่น และจุดด้อยตรงไหน พร้อมกับมองออกว่า นักเตะเหมาะสมกับรูปแบบของทีมหรือไม่ เมื่อปัจจัยมารวมกัน ทำให้ทีมเพิ่มเติมขีดความสามารถมากขึ้น ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานงบประมาณของทีม ปี 2011 เขาเดินหน้ามาอีกขั้น ด้วยการย้ายมาทำงานกับลิเวอร์พูล เริ่มจากการทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลการแข่งขัน

ตามด้วยการพัฒนาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค จนปี 2016 บทบาทของเขาเติบโตขึ้นมาอีก ด้วยการขยับมาเป็นผู้อำนวยการกีฬา แน่นอนว่า สามารถทำงานร่วมกับคล็อปป์ อย่างลงตัว และเข้าขาไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ด บอกว่า หน้าที่ของเขาคือการสนับสนุน เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ผ่านการมุ่งเน้นการพัฒนา และปรับปรุงในทุกส่วนของสโมสรแห่งนี้ ขณะที่คล็อปป์ พูดถึงเอ็ดเวิร์ด ว่าคือคนที่เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งนี้ ด้วยความรู้ความสามารถ, ประสบการณ์ และทัศนคติ เอ็ดเวิร์ด คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวิเคราะห์ และผลักดันการคว้านักเตะเข้าสู่ทีม ไม่ว่าจะเป็นโมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และอลิสซอน เบ็คเกอร์ และล่าสุดกับทาคูมิ มินามิโนะ ที่สบช่องฉีกสัญญาเพียงหลัก 7 ล้านปอนด์ นอกจากการผลักดันการซื้อนักเตะของเอ็ดเวิร์ด หากสังเกตดีๆ นักเตะทั้งหมดคือว่าช่างคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่สโมสรลงทุนไปเป็นอย่างมาก บางคนได้ตัวมาในราคาแสนถูก แต่ผลงานยอดเยี่ยม ขณะที่บางคนที่ราคาแพงหน่อย แต่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดี และทวีมูลค่าในตลาดมากขึ้นเป็นกอง

หลักการทำงานของเอ็ดเวิร์ด เมื่อมีนักเตะที่น่าสนใจ หลังจากแมวมองไปดูครั้งแรกจากนั้น 2 สัปดาห์ เขาจะส่งทีมของตัวเองเดินทางไปเฝ้าดูฟอร์มอีกครั้ง ลากยาวถึงการประเมินนักเตะประมาณ 15-20 เกม จุดประสงค์ทั้งหมด เพื่อให้เห็นคุณภาพ และประสิทธิภาพที่แท้จริงของนักเตะ นอกจากการซื้อนักเตะแล้ว เอ็ดเวิร์ด ยังมีส่วนในการระบาย และขายนักเตะออกจากทีมได้ ทั้งหมดผ่านราคาที่สมน้ำสมเนื้อ และนำไปเล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นนักเตะคนอื่นได้

ติดตามบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ garylovedc.com